บทพิสูจน์ศรัทธาพ่อมดน้ำแข็ง
.
ช่วงนี้จะเรียกว่าเป็นวิบากกรรมของ Blizzard ก็ได้นะครับ
.
ถึงแม้ว่ากระแสพ่อมดน้ำแข็งจะแย่มาเป็นปีแล้วก็เถอะ แต่ช่วงนี้ข่าวคราวเสื่อมเสียออกมาแทบไม่เว้นแต่ละวันแบบหนักจริง ตั้งแต่เรื่องล่วงละเมิดทางเพศพนักงาน, โดนถอนสปอนเซอร์, ผู้บริหารระดับสูงลาออก-ไล่ออกกันระนาว, แฟนรุมบอยคอตถึงขั้นอพยพย้ายเกม และไหนจะเรื่องคุณภาพของเกมที่ระยะหลังคนก็กังขามากขึ้นทุกที
.
โปรเจคในอนาคตของพวกเขา มองผ่านสายตาแฟนตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งก็ดูน่ากังวลใจ Overwatch 2 (ทำทำไมก่อน?), Diablo IV (ไม่รู้จะเสร็จเมื่อไร), Diablo Immortal (ไอ้ต้าวตัวต้นเหตุ....โดนเลื่อนไปปีหน้า)
.
อาจจะเรียกได้ว่าช่วงนี้จะเรียกว่าพ่อมดน้ำแข็ง "เมาหมัด" เลยก็ได้
.
แต่ถึงกระนั้น ในช่วงที่วิกฤติขนาดนี้ พวกเขากำลังจะมีเกม ๆ หนึ่งวางจำหน่าย และมันคือการกลับมาของโคตรเกมระดับตำนาน
.
หนึ่งเกมอันเป็นที่รักและครองใจคนทั่วโลกมา 20 ปี
หนึ่งเกมที่เป็นต้นแบบและแรงบันดาลใจให้กับเกมรุ่นหลังมากมาย
หนึ่งเกมที่ช่วยส่งให้สถานะของพวกเขาขึ้นไปสู่ระดับการเป็นตำนานในฐานะสตูดิโอทีมสร้างฝีมือขั้นเทพ
.
เกม ๆ นั้น คือ Daiblo II Resurrected
.
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2000 ผมได้ทำความรู้จักกับเกมซีรีส์นี้เป็นครั้งแรกกับตัวเกมต้นฉบับ Diablo II (และในภายหลังกับส่วนเสริมที่ชื่อ Lord of Destruction) ความรู้สึกของคนที่ได้จับมันในครั้งนั้นก็คงไม่ต่างกันนัก คือหลาย ๆ คนแทบจะหลงรักมันในทันที
.
มีตัวละคร 5(+2) คลาสให้เลือกเล่น แต่ละคลาส build ตัวละครได้หลายรูปแบบ แค่นี้ก็ทำให้เราจับจดอยู่กับมันได้นานพอดูแล้ว เกมยังมีจักรวาลที่กว้างใหญ่ มีเนื้อเรื่องแบบดาร์กแฟนตาซีที่น่าติดตาม แถมยังมีระบบมัลติเพลเยอร์ให้เราได้เล่นกับเพื่อน ๆ อีก
.
หากจะพูดว่า นอกจาก D2 จะเป็นหมุดหมายสำคัญของโลกวิดีโอเกมแล้ว มันยังเป็นหมุดหมายสำคัญในชีวิตของพวกเราหลายคนด้วย ก็คงไม่ใช่เรื่องเกินเลย
.
ผมเองก็ใช้เวลากับมันเยอะมาก ทั้งในตัวเกมเอง และการไล่หาอ่าน lore มหากาพย์การต่อสู้ระหว่าง High Heavens และ Burning Hells ความผูกพันธ์ที่ผมมีต่อเกมนี้นั้นมากเหลือเกิน... บ้าขนาดไหน...ก็ถึงขั้นว่าซื้อกล่อง Battle Chest 5 รอบน่ะ...
.
ทำให้การกลับมาในรูปแบบ Remastered ครั้งนี้ผมก็ยังอดตื่นเต้นไปกับเกมนี้ไม่ได้ แม้ว่าจะมีข่าวคราวเลวร้ายต่อบริษัทขนาดไหนก็ตาม
.
ความรู้สึกมันผสมปนเปไปหมด ใจนึงก็ไม่เห็นด้วยกับแนวทางของบริษัทในระยะหลัง ทั้งแนวทางการสร้างเกม โมเดลทำธุรกิจ การปฏิบัติต่อลูกจ้าง ฯลฯ และคิดว่าการส่งเสียงให้พวกเขารู้ก็เป็นสิ่งจำเป็น
.
อีกใจหนึ่งก็คิดถึงเพื่อนเก่าคนนี้เหลือเกิน และก็คิดว่าถ้ามองในแง่ดี เราสนับสนุนงานคลาสิกของเขาในสมัยยุคทองอันรุ่งโรจน์ พวกเขาอาจจะเห็นคุณค่า เห็นความหมาย และรับรู้ในสิ่งที่เราต้องการจะสื่อก็ได้กระมัง
.
เราจะตัดสินใจยังไงดีนะ...หันไปมองราคาขายของตัวเกม ...1200 บาท สำหรับชุดธรรมดา....
.
สังสัยต้องรอก่อนแหละ...
.
ปล. ที่เขียนบทความนี้ขึ้นมาไม่ใช่อะไร เพราะวันที่ 13 ส.ค. นี้ (ตามเวลาต่างประเทศ) เขาจะเปิดให้เล่นเบต้ากัน ใครได้ลองมาเล่าให้ฟังทีครับ 555